สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่โดยนายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดโปรแกรมการท่องเที่ยวเส้นทางที่ 2 เชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอนตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชาติพันธุ์ สีสันแห่งล้านนาอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 18 -20 กรกฎาคม 2568 ขึ้น โดยนำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวรวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ร่วมโปรแกรมการท่องเที่ยวเพื่อให้ทุกท่านได้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง และสามารถนำประสบการณ์ในครั้งนี้ออกแบบการท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนมากยิ่งขึ้น
จังหวัดแม่ฮ่องสอนขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสามหมอกเนื่องจากมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี และเป็นจังหวัดที่มีกลุ่มชาติพันธุ์มากที่สุดในประเทศไทยโดยเฉพาะชาวกะเหี่ยง มูเซอ ลัวะ รวมทั้งได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตสาย Slow Life ที่สายฟิลลลต้องค้นหาเพื่อจะใช้เวลาช่วงวันหยุดมาที่จังหวัดนี้
เริ่มต้นจากการเดินทางจากอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่สู่เส้นทาง อำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุกท่านจะได้ชมธรรมชาติผ่านพาโนรามา มุมสูงของภูเขาเขียวขจีในฤดูฝนและบ้านกลางหุบเขา ที่มีแปลงนาขั้นบันไดของจุดชมวิวบ้านลุกข้าวหลามในพื้นที่ชุมชนชาติพันธุ์ไทใหญ่ – ไทลื้อ ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมที่เคยทำข้าวหลามจากเตาไม้ไผ่เพื่อต้อนรับแขกที่จะมาเยือนหรือตามเทศกาลต่างๆ ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพชุดพื้นเมือง เดินป่าระยะสั้นๆเพื่อชมธรรมชาติรอบุดชมวิวได้อีกด้วย
อีกสถานที่แห่งหนึ่งที่ได้รับความของจังหวัดแม่ฮ่องสอนคือสะพานซูตองเป้ ที่แปลว่าอธิษฐานสำเร็จ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากความร่วมมือจากชาวบ้านและพระภิกษุสงฆ์จากวัดพระธาตุจองทอง เพื่อเป็นทางเดินของพระภิกษุสงฆ์ในการบิณฑบาตและเพื่อให้ชาวบ้านสามารถเดินทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้านและวัดได้ง่ายขึ้น
สะพานไม้ไผ่เป็นสะพานที่ยาวและสวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้ เนื่องจากทอดยาวกลางทุ่งนาและล้อมรอบด้วยภูเขาภาพที่ถ่ายจึงเป็นภาพที่สวยท่ามกลางความเขียวของนาข้าวที่เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านบริเวณนั้น ส่วนที่วัดพระธาตุจองทองนักท่องเที่ยวสามารถกราบพระเพื่อขอพรให้ประสบความสำเร็จตามที่ทุกท่านปราถณา รวมทั้งการได้มีโอกาสใส่บาตรตอนเช้าบนสะพานซูตองเป้ ก็จะเป็นประสบการณ์ที่สงบและศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน
อีกสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่หลายคนอยากเดินทางมาชมความสวยงามของวิถีชีวิตชาวจีนยูนานที่อพยพภัยสงครามจากจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้มาตั้งรกรากถาวรอยู่บริเวณชายแดนไทย – พม่า ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลไทย นั่นคือบ้านรักไทย หรือชื่อเดิมว่าหมู่บ้านแม่ออ ที่เป็นหมู่บ้านริมทะเลสาบกลางหุบเขาอากาศเย็นสบายตลอดปีและยังคงถ่ายทอดเอกลักษณ์ วิถีชีวิตของชาวจีนยูนานทั้งการสร้างบ้านดิน อาหารจีน การชงชาอู่หลง และการล่องเรือไม้ชมความงามรอบทะเลสาบ
นอกจากนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังมีหมู่บ้านแพมบกของชาวเผ่าลาหู่ที่อยู่อย่างสงบท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยเขาสูงเป็นเส้นทางเดินเท้าสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางสายแบ็คแพ็คนิยมแวะพักก่อนเข้าเมืองปาย ปัจจุบันชาวบ้านได้เปิดเป็นโฮมสเตย์เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในการเรียนรู้วิถีชีวิตแบบบ้านๆเหมาะสำหรับการพักแบบ Slow Life
ภายในหมู่บ้านแพมบกจะมีสะพานไม้ไผ่โขกู้โส่ เป็นคำในภาษาไทใหญ่ที่แปลว่าสะพานแห่งศรัทธา ซึ่งสะพานแห่งนี้เป็นสะพานไม้ไผ่ยาวกว่า 500 เมตร ทอดยาวผ่านทุ่งนาและภูเขาถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างชาวบ้านและพระภิกษุสงฆ์ในการเดินทางไปวัดภูสมะซึ่งเป็นวัดป่าที่เงียบสงบใช้เดินทางระหว่างศาสนากับชุมชนกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ศรัทธาและความกลมกลืนกับธรรมชาติ
การเดินทางท่องเที่ยวแบบธรรมชาติช่วงฤดูฝนคงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวมักจะอยู่บนดอยสูง ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวสนใจที่จะเข้ามาเที่ยวชมสถานที่ต่างๆคงต้องมีแผนในการใช้บริการจากรถโดยสารที่มีประสบการณ์ในการขับขี่จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุได้